วิธีเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งานออนไลน์ ให้น่าสนใจ
15 มีนาคม 2567
หากคุณเป็นคนทำงาน ที่อาจเคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน อาจเคยได้เจอกับการเข้าสัมภาษณ์งานออนไลน์กันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งหลายๆครั้งอาจได้พบเจอกับความผิดหวัง จากการสัมภาษณ์ เพราะไม่ถูกคัดเลือกเข้าทำงาน รวมถึงเด็กจบใหม่ หรือที่เราเรียกกันว่า First Jobber ที่อาจจะยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงาน หรือการสัมภาษณ์งานมาก่อน อาจจะกำลังสงสัยว่า การสัมภาษณ์งานแบบออนไลน์นั้น จำเป็นต้องรู้เทคนิคอะไรบ้าง เพื่อที่จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับงานที่ตัวเองต้องการ และกลายเป็นผู้ถูกเลือก และมีความโดดเด่นเตะตาผู้สัมภาษณ์มากกว่าผู้สมัครงานคนอื่นๆ
วันนี้ Jobmyway จึงอยากพาทุกคนไปดู วิธีเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งานออนไลน์ ให้น่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะอยากทำ งาน digital marketing agency หรืองานในสายงานอื่นๆ ถ้าทำได้ตามนี้ รับรองได้เลยว่า จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกเข้าทำงานได้อย่างแน่นอน จะมีเทคนิคอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
เตรียมตัวก่อน สัมภาษณ์งานออนไลน์ ยังไงดี?
ในการสัมภาษณ์งานออนไลน์นั้น จะมีความแตกต่างจากการสัมภาษณ์งานที่ต้องเดินทางไปยังบริษัทเพื่อสัมภาษณ์ โดยจำเป็นต้องมีการเตรียมตัว และมีเทคนิคในการสัมภาษณ์ที่ผู้สมัครงานต้องทราบ จะมีเทคนิคอะไร ไปดูกัน
1.เตรียมเรซูเม่ และ พอร์ตสะสมผลงานก่อน สัมภาษณ์งานออนไลน์
เรียกได้ว่า เรซูเม่ หรือประวัติส่วนตัว และพอร์ตสะสมผลงาน ถือเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกคัดเลือกเข้าทำงานในองค์กรได้เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในการลงประกาศรับสมัครงานหนึ่งครั้ง จะมีจำนวนผู้เข้าแข่งขัน เพื่อสมัครงานเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นงาน digital marketing agency หรืองานในสายงานอื่นๆ การทำเรซูเม่ และพอร์ตสะสมผลงาน จะเป็นตัวที่จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์ และองค์กร ได้รู้จัก และเห็นถึงความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะในการทำงานของคุณได้ในระยะเวลาอันสั้น
-เทคนิคการเตรียมเรซูเม่ให้น่าสนใจ
ขั้นตอนที่ 1 : รวบรวมประวัติส่วนตัวที่จำเป็น
ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล อายุ รูปภาพถ่าย ช่องทางการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ ที่อยู่ ไอดีไลน์ เป็นต้น เพื่อให้องค์กรได้รู้จักตัวตนของคุณได้แบบคร่าวๆ ว่ามีชื่ออะไร และสามาถติดต่อได้ในช่องทางใดบ้าง
ขั้นตอนที่ 2 : รวบรวมประวัติการศึกษาและประวัติการฝึกงาน
ประวัติการศึกษา ควรระบุว่าจบจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากที่ใด คณะใด เอกใด และได้เกรดเฉลี่ยเท่าใด รวมถึงประวัติการฝึกงานที่ควรระบุว่า ในปี พ.ส. ใด ได้มีประสบการณ์ในการฝึกงานในตำแหน่งใด กับบริษัทใด
ขั้นตอนที่ 3 : รวบรวมประวัติการทำงาน
หากคุณไม่ใช่ First Jobber ที่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว ก็ควรระบุประวัติในการทำงาน ทั้งตำแหน่งหน้าที่ ชื่อบริษัทที่เคยทำงานลงไปด้วย
ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบความเรียบร้อยของข้อมูล
ต่อมาคือการตรวจสอบความเรียบร้อยของข้อมูล ว่ามีการสะกดผิด หรือตกหล่นในข้อมูลใดไปบ้าง
ขั้นตอนที่ 5 : จัดรูปแบบเรซูเม่ให้สวยงาม อ่านง่าย สะอาดตา เหมาะกับสายงานที่ทำ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการจัดรูปแบบหน้าเรซูเม่ ให้สวยงาม อ่านง่าย และดูสะอาดตา พยายามหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นลงไป และเลือกใช้รูปแบบดีไซน์ ที่เหมาะกับสายงานที่ทำ เช่น ถ้าหากทำงานในสายงานที่จำเป็นต้องใช้ความน่าเชื่อถือ เช่น งานบัญชี หรืองานทนายความ ก็ควรใช้การออกแบบที่ไม่ฉูดฉาด ส่วนถ้าหากเป็นงานที่มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ก็ควรออกแบบเรซูเม่ให้สวยงาม หรูหรา เหมาะกับสายงานที่ทำ จะดีที่สุด
-เทคนิคการเตรียมพอร์ตสะสมผลงานให้น่าสนใจ
ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมข้อมูลผลงานทั้งหมดเอาไว้ และจัดเรียงผลงานที่มีความภาคภูมิใจที่สุดไว้ด้านหน้า
การเรียบเรียงข้อมูลผลงานทั้งหมด และคัดเลือกผลงานเด่นๆ ที่คิดว่าเป็นผลงานที่มีความภาคภูมิใจที่สุดเอาไว้ด้านหน้า จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์สามารถมองเห็นถึงผลงานที่ดีเยี่ยมได้ในระยะเวลาอันสั้น นั่นเอง
ขั้นตอนที่ 2 : แบ่งหมวดหมู่ผลงานเอาไว้ให้ชัดเจน
หากคุณมีผลงานหลากหลายสายงาน มีหลายหมวดหมู่ ก็ควรที่จะมีการแบ่งข้อมูลเอาไว้ให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการอ่าน
ขั้นตอนที่ 3 : อย่าลืมทำไฟล์ออนไลน์ อัปโหลดลงระบบคลาวด์เอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นเรซูเม่ หรือพอร์ตสะสมผลงาน เมื่อจัดทำเสร็จแล้ว อย่าลืมอัปโหลดข้อมูลเหล่านี้ลงระบบคลาวด์ เป็นไฟล์ PDF หรือลงใน Google Drive เอาไว้ เพื่อที่จะสามารถกดส่งลิงก์ให้กับผู้สัมภาษณ์ได้ในวันสัมภาษณ์งานออนไลน์
2.ศึกษาข้อมูลขององค์กรเอาไว้ให้ครบ
ขั้นตอนต่อมาคือการศึกษาข้อมูลขององค์กรเอาไว้ให้ครบ เพื่อเป็นการเตรียมตัวในวันสัมภาษณ์งานจริง ซึ่งจะต้องเจอกับคำถามที่ว่า คุณทราบไหมว่า องค์กรของเราทำงานเกี่ยวกับอะไร และมีประวัติองค์กรอย่างไร หรือ ได้ศึกษาข้อมูลขององค์กรของเรามาบ้างหรือไม่ สิ่งนี้จะเป็นการวัดถึงความใส่ใจ และความตั้งใจในการเข้าทำงานของผู้สมัครงานนั่นเอง
3.เขียนบทพูดแนะนำตัวเอาไว้ก่อนซ้อมจริง
ขั้นตอนต่อมาคือการเตรียมบทพูดเอาไว้ใช้ในวันสัมภาษณ์งานออนไลน์ ซึ่งควรเริ่มเขียนตั้งแต่ บทแนะนำตัว การกล่าวถึงประวัติส่วนตัวแบบคร่าวๆ การเล่าถึงทักษะ ความสามารถในการทำงาน เหตุผลในการที่ต้องการได้รับงานในองค์กรนี้ รวมถึงจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะพัฒนาตัวเองในอนาคต เป็นต้น
4.ลิสต์คำถามที่ต้องการถามองค์กรเอาไว้
การถามคำถามองค์กรกลับไปในวันสัมภาษณ์ จะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณ ได้ทำความรู้จักกับองค์กรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิสัยทัศน์ขององค์กร วัฒนธรรมขององค์กร ว่ามีลักษณะในการทำงานอย่างไร การแต่งตัวเมื่อต้องไปทำงาน สวัสดิการต่างๆที่องค์กรจะมอบให้กับพนักงาน เป็นต้น สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้สมัครงานสามารถใช้ในการตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือกเข้าทำงานในองค์กรได้เช่นเดียวกัน
5.ลิสต์คำถาม-คำตอบ ที่คิดว่าจะถูกถามในวันสัมภาษณ์
ขั้นตอนต่อมาคือการลิสค์คำถาม และคำตอบที่คิดว่าผู้สัมภาษณ์จะถามเอาไว้ในวันสัมภาษณ์ เช่น คุณมองตัวเองในอีก 5 ปีอย่างไร , ทำไมคุณถึงลาออกจากที่ทำงานเก่า , ถ้าคุณเจอปัญหาในการทำงานกับเพื่อนร่วมงาน จะมีวิธีรับมืออย่างไร
6.ฝึกพูดแนะนำตัวหน้ากระจก
ขั้นต่อมา เมื่อได้ข้อมูลที่เตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว ก็ลองใช้เทคนิคการฝึกพูดหน้ากระจก เทคนิคนี้จะช่วยให้คนที่มีความประหม่า หรือยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการสัมภาษณ์งานมาก่อน มีความมั่นใจมากขึ้น โดยพยายามสังเกตท่าทางการพูด และสีหน้าในการพูก แล้วทำการฝึกพูดให้มีความประหม่าน้อยลง
7.เตรียมคอมพิวเตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ตเอาไว้ให้พร้อม
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการสัมภาษณ์งานออนไลน์เลยก็คือ ระบบอินเทอร์เน็ต และระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสัมภาษณ์งาน โดยต้องเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีกล้องเว็บแคม และมีระบบอินเทอร์เน็ตที่สามารถทำการ Video Call ได้แบบไม่สะดุด จะดีที่สุด
8.เตรียมเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย น่าเชื่อถือ
ถึงแม้จะเป็นการสัมภาษณ์งานแบบออนไลน์ การแต่งตัวที่มีความเรียบร้อย น่าเชื่อถือ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับการสัมภาษณ์งานแบบเก่าๆ จึงควรมรการเลือกเสื้อผ้าที่สะอาด เรียบร้อย สีสันไม่ฉูดฉาด รวมถึงการทำผมให้เรียบร้อย จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้สัมภาษณ์งานได้มากขึ้น
9.เตรียมห้องให้เงียบ ไร้เสียงรบกวน
การสัมภาษณ์งานแบบออนไลน์ ควรต้องเลือกสถานที่ให้มีความเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวน ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาพลุกพล่าน โดยอาจเลือกเป็นห้องทำงาน หรือห้องนอน ควรหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์งานในสถานที่เปิด อย่างร้านกาแฟ หรือห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมีเสียงรบกวน และมีผู้คนพลุกพล่านนั่นเอง
10.ทำให้เต็มที่ แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป
สิ่งสุดท้ายเลยก็คือ ความมั่นใจในตัวเอง โดยควรทำให้เต็มที่ แต่อย่ากดดันตัวเองมากจนเกินไป ตอบคำถามด้วยความจริงใจ และการสัมภาษณ์งานจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ก็จบลงไปแล้วสำหรับบทความวิธีเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์งานออนไลน์ ให้น่าสนใจ ที่เว็บไซต์ Jobmyway ได้นำมาให้คนทำงานที่กำลังอยากเปลี่ยนงาน รวมถึงเหล่า First Jobber ได้นำไปทำตาม เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกคัดเลือกเข้าทำงานในองค์กรที่ใฝ่ฝัน และได้รับเงินเดือนที่ถูกใจ ในครั้งหน้า เราจะพาคุณไปชมบทความดีๆอะไรอีก อย่าลืมติดตามกัน
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆได้ที่นี่
เด็กจบใหม่ จะเริ่มยังไง ถ้ายังไม่มีประสบการณ์ทำงาน
ทริค ! ส่งมอบงานที่ดี เมื่อเราต้องลาออก
ข้อดีของการจ้างงานคนรุ่นใหม่ทำงานในองค์กร
เคล็ดลับ เลี่ยง “ความขัดแย้ง” ในการทำงาน
ทริค ! วิธีทำให้ลูกน้องรักคุณแบบไม่รู้ตัว